เดือน ต.ค.63 ตลาดมีมูลค่าขายชอร์ตรวม 42,032 ล้านบาท มูลค่าชอร์ตเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน +251.3% MoM แต่ยัง -36.7 YoY ในนี้แบ่งเป็นหุ้น Local 32,089 ล้านบาท +258.8% MoM (-25.8% YoY) และ NVDR 9,934 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +229.0% MoM (-57.0% YoY) เฉลี่ยยอดชอร์ตรวม 2,102 ล้านบาทต่อวัน แบ่งเป็นหุ้น local 1,605 ล้านบาทต่อวัน และหุ้น NVDR 497 ล้านบาทต่อวัน
กลับสู่ภาวะใกล้เคียงยอดชอร์ตก่อนเข้าสู่ช่วงใช้เกณฑ์ up tick rules 6 เดือนที่ผ่านมา
สัดส่วนมูลค่าขายชอร์ตเทียบมูลค่าซื้อขายบนกระดานหลักรวมกลับมาอยู่ที่ 4.07% แบ่งเป็นหุ้น local 3.11% และ NVDR 0.96% เทียบมูลค่าซื้อขายบนกระดานหลัก ฝั่งจำนวนหลักทรัพย์ที่ขายชอร์ตออกมามีจำนวน 275 หลักทรัพย์เป็นสถิติ All time high โดยมาจากหุ้น local 173 ตัว NVDR 102 ตัว เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วที่ 217 ตัว หากพิจารณาเพิ่มเติมจะพบว่าจำนวนหลักทรัพย์ที่ขายชอร์ต All time high นี้มาจากจำนวนหลักทรัพย์ NVDR ที่ขายชอร์ตออกมา All time high นั่นเอง
สัดส่วนความกระจุกตัวในการชอร์ตอยู่ใน SET50 67.0% เพิ่มขึ้นเล็กน้อย, NVDR 23.6% และ Non-SET50 ลดลงเหลือ 9.4% โดยสัดส่วน SET50 ที่ 67.0% นี้คิดเป็นมูลค่าชอร์ตใน SET50 ราว 28,167 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า +283.4% MoM แต่ยัง -32.1% YoY
ในขณะที่มูลค่าการชอร์ต NVDR 9,934 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +229.0% MoM (-57.0% YoY) ในขณะที่ Non-SET50 ก็เพิ่มขึ้นราว +145.9% MoM (+122.6% YoY) ด้วยยอดชอร์ต 3,930 ล้านบาท กลับมาทั้ง 3 ก้อนสอดคล้องกัน
หากพิจารณาเฉพาะมูลค่าขายชอร์ต NVDR สูงสุดเดือนนี้ยังเป็น KBANK-R รั้งอันดับต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ด้วยยอดการขายชอร์ต 1,015 ล้านบาทดังข้างต้น ตามมาด้วย MINT-R ต่อเนื่องและ SCB-R กับยอด 956 ล้านบาทและ 814 ล้านบาทตามลำดับ
สัดส่วนมูลค่าขายชอร์ตเทียบกับมูลค่าซื้อขายบนกระดานหลักสูงสุดรายตัวก็เป็น AOT ที่ควบอันดับสูงสุดเข้ามาในเดือนโดยมีสัดส่วนการชอร์ต 10.26% ตามมาด้วยอันดับ 2 อย่าง TMB กับสัดส่วน 9.72% และ ERW ที่ 9.61% ตามลำดับ ลำดับอื่นๆ เกาะกลุ่มกันมาด้วยสัดส่วนการชอร์ตในกรอบ 7.0% – 9.0% โดยประมาณ
AOT ยังมีมูลค่าขายชอร์ตสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ด้วยยอด 2,741 ล้านบาท ในขณะที่ top NVDR ยังเป็น KBANK-R ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เช่นกันด้วยยอดชอร์ต 1,015 ล้านบาท ด้านสัดส่วนการขายชอร์ตเทียบกระดานหลักควบอันดับโดย AOT ที่ 10.26%
SET index ในเดือน ต.ค. เคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway down ต่อลงหลุดระดับ 1,200 จุด สวนทางกับตลาดในภูมิภาคโดยเฉพาะ TIP Market ที่ทั้งอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ต่างปรับตัวขึ้นสวนทาง แม้ว่าภาพรวมจะมี fund flow ไหลออกไม่ต่างกัน ในเดือนนี้มียอดมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยเป็น 51,592 ล้านบาทต่อวัน ยังต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนราว -4.6% yoy โดยมียอดขายชอร์ตทั้งเดือนกลับมาที่ระดับ 42,032 ล้านบาท ยัง -36.7% yoy ดังข้างต้น เฉลี่ยกลับมายืนที่ระดับ 2,102 ล้านบาทต่อวันครั้งแรกในรอบ 6 เดือน โดยมีสัดส่วนมูลค่าการขายชอร์ตเทียบมูลค่าซื้อขายบนกระดานหลัก 4.07% และสัดส่วนแบบ Year-to-date ขยับมาสู่ระดับสัดส่วน 2.69%
มูลค่าซื้อขายหุ้นต่อวันในเดือนกระเตื้องเป็น 51,592 ล้านบาทต่อวัน ยังต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนราว -4.6% yoy ยอดการขายชอร์ตทั้งเดือนกลับมายืนที่ระดับ 42,032 ล้านบาท ยังหดตัว -36.7% yoy แต่ +251.3% MoM เฉลี่ยวันละ 2,102 ล้านบาท ด้านสัดส่วนขายชอร์ตขยับกลับมาเป็น 4.07% กลับมาครั้งแรกฝนรอบ 6 เดือน
เมื่อพิจารณาเพิ่มเติมในส่วนของ Daily Short Sale Value ในเดือน ต.ค.63 นี้ ค่าเฉลี่ยการชอร์ตทั้งเดือนที่ 2,102 ล้านบาทต่อวัน จะพบว่าใน 20 วันทำการ มีเพียง 8 วันทำการเท่านั้น ที่มูลค่าชอร์ตรายวันต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท โดยมียอดต่ำสุดอยู่ที่ 1,452 ล้านบาท สูงสุดอยู่ที่ 3,274 ล้านบาท จึงพอจะบอกได้ว่าในช่วง 6 เดือนที่มีการประกาศใช้เกณฑ์ up tick rules จากทางตลาดหลักทรัพย์ ทำให้มียอดชอร์ตเฉลี่ยเหลือเพียง 400-600 ล้านบาท policy ดังกล่าวกดยอดขายชอร์ตไว้ได้จริงๆ
จบเดือน ต.ค. เข้าสู่ช่วงปลายปีแห่งการ lock down กับความร้อนแรงทั้งการเมืองไทยการเมืองสหรัฐ ทีอีกไม่กี่วันเราคงได้ข้อสรุปกันว่าเราและโลกจะเดินในทิศทางใดกันต่อไป แม้ว่านาทีนี้ก็ยังไม่มีความแน่ชัด แต่เราเชื่อเหลือเกินว่าสิ่งดีๆกำลังรอเราอยู่ การเตรียมความพร้อมเพื่อรับโอกาสที่กำลังจะมาถึงจึงเป็นเรื่องของการคัดสรรทางธรรมชาติที่แท้จริง เพราะหากเราไม่สามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ย่อเพื่อกระโดดในครั้งใหม่ เหตุการณ์ที่พลิกชีวิตใครหลายคนได้ (ทั้งแง่ดีและแง่ร้าย) ก็จะเป็นเพียงวันเวลาที่ผ่านไปอีกหนึ่งเหตุการณ์เท่านั้นเอง คงได้แต่เพียงกล่าวว่า โชคดีในการลงทุนเช่นเคยนะครับทุกท่าน
แสดงความคิดเห็น