ตลาดหุ้นไทยผันผวนมากเกินไป ลงทุนหุ้นต่างประเทศ กับ “BLS Global Investing” กันดีกว่า!! บริการลงทุนในหุ้นต่างประเทศตัวใหม่ล่าสุดของหลักทรัพย์บัวหลวงที่จะทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นเวียดนาม ซึ่งครอบคลุมหุ้น และ ETFs กว่าหมื่นตัวทั่วโลก เป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้ว ผ่านระบบเดียวกับหุ้นไทย ด้วย Streaming บนมือถือ หรือ Web-based ของทางหลักทรัพย์บัวหลวง…
ทำไมต้อง ลงทุนหุ้นต่างประเทศ ?
คุณรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการหัวหน้าฝ่าย Global Investing บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) แชร์ข้อมูลการลงทุนที่น่าสนใจให้ฟังว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมา ( ข้อมูลระหว่างปี 58 – ปี 63 โดยนับตั้งแต่ปีวันที่ 14 ธ.ค. 58 – 14 ธ.ค. 63) เพิ่มขึ้นเพียง 6% ต่อปี ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้นเวียดนาม และตลาดหุ้นฮ่องกง ทำผลตอบแทนจากการลงทุนได้ที่ 15%, 8%, และ 16% ต่อปี ตามลำดับ
คุณรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ
ผู้อำนวยการหัวหน้าฝ่าย Global Investing
สะท้อนว่า ความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยเริ่มลดลง ยิ่งไปดูกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีที่ผ่านมา แทบไม่เติบโตเลย ขณะที่เศรษฐกิจไทยก็ชะลอตัว ฉะนั้นหากนักลงทุนไทยยังคงจำกัดการลงทุนอยู่เพียงแต่ภายในประเทศอาจสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้ยาก ดังนั้นการกระจายความเสี่ยง ด้วยการหันไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่ดีในเวลานี้!!
ปัจจุบันการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ทำได้สะดวกสบายมากขึ้นกว่าในอดีต เพราะเมื่อ 2-3 ปีก่อน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ผ่อนคลายกฎเกณฑ์การนำเงินออกนอกประเทศ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนรายย่อยจะได้ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากๆ อย่างการลงทุนผ่านบริการ BLS Global Investing เรากำหนดการฝากเงินครั้งแรกและโอนไปต่างประเทศขั้นต่ำเพียง 500,000 บาทเท่านั้น ส่วนฝากครั้งต่อไปไม่จำกัดขั้นต่ำ และไม่จำเป็นต้องคงเงินไว้จำนวนเดิมด้วย
“การลงทุนหุ้นต่างประเทศไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ด้วยนวัตกรรมการลงทุนของบัวหลวงจะทำให้การลงทุนหุ้นต่างประเทศง่ายขึ้น เพียงล็อคอินครั้งเดียวก็ลงทุนได้ทั้งตลาดไทยและตลาดต่างประเทศ ที่สำคัญนักลงทุนยังทำการโอนถอนได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชั่นเดียวกับที่ใช้ลงทุนหุ้นไทย และระบบยังช่วยคำนวณเงินสกุลบาทเป็นสกุลเงินต่างประเทศที่จะลงทุนด้วย สะดวกมาก”
แบ่งเงิน ลงทุนหุ้นต่างประเทศ เท่าไรดี ?
- 20% ของมูลค่าสินทรัพย์ สำหรับคนรับ “ความเสี่ยงได้น้อย”
- 40% ของมูลค่าสินทรัพย์ สำหรับคนรับ “ความเสี่ยงได้ปานกลาง”
- 60% ของมูลค่าสินทรัพย์ สำหรับคนรับ “ความเสี่ยงได้สูง”
- 80% ของมูลค่าสินทรัพย์ สำหรับคนรับ “ความเสี่ยงได้สูงมาก”
“การลงทุนในหุ้นต่างประเทศมีความเสี่ยงในเรื่องของค่าเงินนอกจากราคาหุ้น ดังนั้นแนะนำว่า การลงทุนหุ้นต่างประเทศจะมีโอกาสกำไรจากค่าเงินต้องลงทุนตอนที่ค่าเงินบาทกำลังแข็งค่า ซึ่งเวลานี้น่าจะเป็นจังหวะที่ดี ตอนนี้ค่าบาทเฉลี่ย ตั้งแต่ต้นปี 63 อยู่ที่ 31.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ บัวหลวงมองแนวโน้มจะไปยืนแถวๆ 32.7- 32.8 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ”
จุดเด่นตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่ตรงไหน ?
- มีหุ้น Super Stock ระดับโลกหลายตัว เช่น Starbucks (SBUX), Apple (AAPL) และ Alphabet (GOOGL) เป็นต้น หุ้นลักษณะนี้หาไม่ได้ในตลาดหุ้นไทย
- หุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายแห่งซื้อขายอยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
- ETFs มีขนาดใหญ่มาก นักลงทุนสามารถลงทุนได้ทั่วโลก เพราะมี ETFs ที่อ้างอิงกับดัชนีหรือหุ้นต่างๆหลากหลายประเทศ เช่น แคนาดา จีน อินเดีย ญี่ปุ่น อินโดนิเซีย ออสเตรเลีย ก็สามารถซื้อขายได้ผ่านตลาดหุ้นสหรัฐฯ และเชื่อหรือไม่!! ETFs ทองคำตัวเดียวมีมูลค่าซื้อขายต่อวันมากกว่าตลาดหุ้นไทย
- คนเก่งหลากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะคนเชื้อสายยิว เช่น “สตีฟ จอบส์” ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple “มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” ผู้ก่อตั้ง เฟซบุ๊ก และ “อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์” ศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์และนักฟิสิกส์ทฤษฎี
ความน่าสนใจของตลาดหุ้นเวียดนาม
- ได้ประโยชน์มากที่สุดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังบริษัทชื่อดังหลายแห่งหาทางย้ายฐานการผลิต
- ตลาดมีขนาดใหญ่ ประชากรเฉลี่ย 100 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาว
- การเมืองมีเสถียรภาพ
- เศรษฐกิจขยายตัวเฉลี่ยปีละ 7%
- และล่าสุด! เวียดนามขยับขึ้นจากกลุ่ม “ตลาดหุ้นชายขอบ” (Frontier Market) ไปอยู่ในกลุ่ม “ตลาดเกิดใหม่” (Emerging Market) เรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นอาจมีเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนจำนวนมาก
“วันนี้ประเทศเวียดนามมีหน้าตาเหมือนเมืองไทยเมื่อปี 1990 นั่นแปลว่า ประเทศกำลังอยู่ในช่วงของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ดังนั้นธุรกิจหลากหลายประเภทย่อมได้รับประโยชน์จากภาวะเศรษฐกิจรวดเร็ว หากจะลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามในวันนี้คงต้องใช้ธีมเดียวกับที่เคยลงทุนในหุ้นไทยอย่างหุ้นปูน หุ้นสนามบิน เมื่อหลายสิบปีก่อน”
สตอรี่ตลาดหุ้นฮ่องกง…
- ศูนย์กลางทางการเงินอันดับต้นๆของโลก
- ตลาดหุ้นฮ่องกงมีมูลค่าตลาดมากกว่า 190 ล้านล้านบาท ใหญ่กว่าไทยเกือบ 12 เท่า
- มี ETFs ที่อ้างอิงกับดัชนีหรือหุ้นต่างๆหลากหลายประเทศ
- มีธีมการลงทุนฮอตฮิต “The Greater Bay Area” หลังรัฐบาลจีนพยายามส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในเมืองที่ใกล้เคียงกับฮ่องกง โดยลดข้อจำกัดการค้า ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และให้วีซ่าในการทำงานง่ายขึ้น เป็นต้น
- “ที่ผ่านมา นักธุรกิจไทยเริ่มขยายการลงทุนออกไปนอกประเทศมากขึ้น เห็นได้ชัดจากกิจการของกลุ่มคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี กลุ่มเซ็นทรัล หรือกลุ่มบริษัท Land & Houses ฉะนั้นนักลงทุนก็ควรแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาลงทุนในหุ้นต่างประเทศบ้าง เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน”
ลงทุนหุ้นต่างประเทศกับทีม BLS Global Investing ดีอย่างไร?
คลิปวิดีโอสั้น เกี่ยวกับ “12 จุดแข็ง BLS Global Investing” คลิกที่นี่
เปิดโอกาสการลงทุนหุ้นต่างประเทศไปกับ BLS Global Investing
…โดยสามารถเปิดบัญชีทางออนไลน์ได้แล้ววันนี้!! คลิกที่นี่
สำหรับบุคคลทั่วไป : ต้องดำเนินการเปิดบัญชีหุ้น พร้อมเปิดบัญชีลงทุนต่างประเทศ
สอบถามข้อมูลได้ที่ BLS Customer Service หรือ 0-2618-1111
หรือ อ่านบทความเกี่ยวกับ BLS Global Investing… คลิกที่นี่
แสดงความคิดเห็น