ปัจจุบันหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ส่งผลให้การลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการลดโลกร้อนเป็นเทรนด์ใหม่มาแรง โดยเราได้รับเกียรติจาก ดร.บ๊อบบี้ ธนาวุฒิ หัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน บลจ.บางกอกแคปปิตอล (BCAP) และคุณปิ๊ก เสริมศักดิ์ วงศ์สิทธิโชค กูรูด้านกองทุนรวม ประจำหลักทรัพย์บัวหลวง มาร่วมหาคำตอบว่าทำไม “Green Investing” ถึงเป็นการลงทุนที่มากกว่าพลังงานสะอาด รับชมได้ที่ https://youtu.be/VFAMjDmZZRc
อย่าลืมกดติดตาม https://bls.tips/subscribeYoutube
World Wide Fund for Nature (WWF) หรือ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากลได้คาดการณ์ว่า ถ้าเราไม่เร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อุณหภูมิโลกจะเพิ่มขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2040 เพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียสภายในปี 2065 และเพิ่มขึ้น 4 องศาเซลเซียส ภายในปี 2100 ถึงตอนนั้นทั้งพืชและสัตว์จะไม่มีวิธีปรับตัวอยู่บนโลกได้อีก
ทุกคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าโลกเรากำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อน ซึ่งมีสาเหตุหลักๆมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมากอย่างต่อเนื่องทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม และแม้ว่าจะมีองค์กรณ์ต่างๆออกมารณรงค์กันปาวๆ ว่าโลกร้อนจะส่งผลอย่างไรบ้าง แต่คนส่วนมากก็ยังไม่ได้สนใจแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง จนกระทั่งหลายปีมานี้ที่ภัยพิบัติต่างๆ เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งภัยแล้ง ไฟป่า มลพิษ ผลผลิตทางการเกษตรต่างๆที่ลดลงสวนทางกับประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น ฯลฯ ทำให้รัฐบาลหลายๆ ประเทศเริ่มตระหนักและกำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยจัดลำดับความสำคัญเป็นระดับต้นๆเลยทีเดียว
แค่อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 4 องศาเซลเซียส เรียกว่าเป็นวิกฤติเชียวหรือ ?
ก่อนอื่นอยากจะให้ทุกท่านดูกราฟด้านบนซึ่งแสดงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลกโดยเฉลี่ยในเดือนพฤษภาคม จะเห็นว่านับตั้งแต่ประมาณปี 1980 อุณหภูมิก็เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยมาโดยตลอด จากอากาศที่ร้อนขึ้นมากบางคนอาจจะคิดว่าเพิ่มมาหลายองศาเซลเซียสแต่เมื่อมาดูตัวเลขกลับเพิ่มขึ้นมาเพียง 1- 1.5 องศาเซลเซียสเท่านั้น!! คงไม่ต้องนึกภาพว่าถ้าอุณหภูมิเพิ่มขึ้นมา 4 องศาเซลเซียสมันจะหนักขนาดไหน
อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่ทำให้มนุษย์รู้สึกร้อนขึ้นเท่านั้น อากาศที่ร้อนขึ้นทำให้ความแห้งแล้งทวีความรุนแรงมากขึ้น ผลผลิตทางการเกษตรและปศุสัตว์ต่างก็ลดลง อุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่มขึ้นทำให้สัตว์น้ำเริ่มอยู่ไม่ได้และเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ ภูเขาน้ำแข็งทั่วโลกกำลังละลาย นี่ยังไม่นับรวมถึงเชื้อโรคที่ถูกแช่แข็งในชั้นดินเยือกแข็งขั้วโลก ซึ่งหากละลายออกมาอาจทำให้ทั่วโลกต้องเผชิญกับโรคระบาดอีกมาก ทั้งหมดนี้บางคนอาจจะบอกว่าคงไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงชีวิตของเราหรอก แต่หากไม่ทำอะไรซักอย่าง มันอาจจะเกิดขึ้นเร็วจนเป็นส่วนหนึ่งของบั้นปลายชีวิตเราก็ได้
รัฐบาลประเทศต่างๆ ทำอะไรเพื่อลดปัญหาภาวะโลกร้อนบ้าง
ในประเทศไทยเรายังไม่ได้มีนโยบายที่เป็นรูปธรรมมากนัก ที่เห็นๆ ก็เป็นเรื่องการรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติก ซึ่งเป็นสิ่งเล็กๆที่หลายคนไม่เข้าใจว่ามันก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร แต่ต่างประเทศมีการลงนามในข้อตกลงต่างๆ ออกกฎหมายบังคับใช้จริงจัง บริษัทไหนที่ยังไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกินกำหนด ก็จะต้องเสียค่าปรับหรือเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้น ส่วนบริษัทไหนที่ทำดีก็สามารถเอาสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปขายต่อได้หรือเสียภาษีในอัตราที่ต่ำลง ซึ่งทำให้ท้ายที่สุดบริษัทต่างๆจะต้องหันมาปรับกระบวนการทำงานให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงมาอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด
2 ประเทศมหาอำนาจทั้งจีนและสหรัฐฯ ต่างก็ตื่นตัวในเรื่องนี้ เพราะทั้งคู่ครองอันดับ 1 และ 2 ของประเทศที่ปล่อยก๊าซ CO2 มากที่สุดในโลก โดยเฉพาะจีนที่เพียงประเทศเดียวก็ปล่อยก๊าซเกิน 1 ใน 4 ของทั้งโลกและยังรับมือกับปัญหาได้น้อยมาก จีนมีการประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะ 5 ปี ซึ่งมุ่งเน้นแก้ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมสนับสนุนนวัตกรรมต่างๆ ที่จะช่วยลดโลกร้อน ด้านสหรัฐฯ เองหลังจากที่นายโจ ไบเดน ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งประธานาธิบดีก็กลับเข้าร่วมความตกลงปารีส (Paris Agreement) และทุ่มงบกว่า 2 ล้านล้าน USD ในธุรกิจพลังงานสะอาดเพื่อทวงตำแหน่งผู้นำเทคโนโลยีลดโลกร้อน นอกจากจีนและสหรัฐฯ ก็ยังมีประเทศชั้นนำอื่นๆ กว่า 197 ประเทศที่เข้าร่วมความตกลงปารีส (Paris Agreement) อาทิเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส สหภาพยุโรป เยอรมนี สเปน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฯลฯ
นวัตกรรมอะไรบ้างที่นำไปสู่การลด CO2 หรือ Net Zero CO2
กองทุน BCAP-CLEAN โอกาสการลงทุนในธุรกิจสีเขียวที่มากกว่าแค่พลังงานสะอาด
จากประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของ 2 ประเทศมหาอำนาจ จีนและสหรัฐฯ รวมถึงความตกลงปารีส (Paris Agreement) ตามข้างต้น ทำให้เห็นว่ายังมีโอกาสลงทุนในนวัตกรรมต่างๆ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งในวันนี้ถือว่าวาระแห่งชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป โดยกองทุน BCAP-CLEAN จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป ที่มีนโยบายลงทุนในธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับนวัตกรรมเพื่อช่วยในการรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่อย่างยั่งยืน เช่น Clean energy, Electric Vehicles (EV), Circular Economy & Waste Management เป็นต้น
สัดส่วนการลงทุนโดยประมาณของกองทุน BCAP-CLEAN
- KraneShares MSCI China Clean Technology Index ETF (KGRN) : ลงทุนในบริษัทจีนที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 5 กลุ่มธุรกิจ คือ กลุ่มพลังงานทางเลือก (Alternative Energy), การพัฒนาและการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน (Sustainable Water), การออกแบบอาคารที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Green Building), การป้องกันมลพิษ (Pollution Prevention) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency)
- Invesco WilderHill Clean Energy ETF (PBW) : ลงทุนในบริษัทที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ และดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับการพัฒนาพลังงานสะอาด (Cleaner Energy) การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม รวมถึงบริษัทที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านสังคมไปสู่การใช้พลังงานสะอาด
- Invesco Global Clean Energy ETF (PBD) : ลงทุนในบริษัททั่วโลกที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด (Cleaner Energy) การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม รวมถึงบริษัทที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านสังคมไปสู่การใช้พลังงานสะอาด
- iShares Electric Vehicles & Driving Technology UCITS ETF (ECAR) : ลงทุนในกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) การขับขี่อัตโนมัติ การโดยสารโดยการใช้ยานพาหนะร่วมกัน
- Amplify Lithium & Battery Technology ETF (BATT) : ลงทุนในบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ รวมถึงส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่
- BGF Circular Economy (BGBCEIU) : ลงทุนในบริษัททั่วโลกที่มีส่วนร่วมหรือได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
- Rize Sustainable Future of Food UCITS ETF (FOOD) : ลงทุนในบริษัททั่วโลกที่มีส่วนร่วมหรือได้ประโยชน์จากการสร้างระบบอาหารทั่วโลกที่ยั่งยืน ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น
ตัวอย่างบริษัทที่น่าสนใจที่คาดว่ากองทุน BCAP-CLEAN คาดว่าจะลงทุน
ผลการดำเนินงานของพอร์ตจำลองกองทุน BCAP-CLEAN
โปรโมชั่นพิเศษ! ระหว่าง IPO วันที่ 28 มิ.ย. – 2 ก.ค. 64 ปรับลดค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee) เหลือเพียง 0.535% จากปกติ 1.07%
เตรียมจองซื้อกองทุน BCAP-CLEAN ผ่าน Streaming for Fund ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. – 2 ก.ค. 64
- Streaming for Fund สำหรับ iPhone / iPad คลิกเพื่อติดตั้ง
- Streaming for Fund สำหรับ Android คลิกเพื่อติดตั้ง
เปิดบัญชีกองทุนรวมออนไลน์กับหลักทรัพย์บัวหลวง สะดวก ง่าย ไม่ต้องส่งเอกสาร!!
ผู้ลงทุนจะต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน…ศึกษาข้อมูลกองทุนและหนังสือชี้ชวนเพิ่มเติมได้ที่ www.bcap.co.th สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บมจ. หลักทรัพย์บัวหลวง โทร. 0-2618-1111 หรือ บลจ. บางกอกแคปปิตอล จำกัด โทร. 0-2618-1599