บัญชีหลักทรัพย์แต่ละประเภท…ต่างกันอย่างไร ?

สำหรับนักลงทุนมือใหม่หลายๆท่านที่สนใจอยากลงทุนในตลาดหุ้น และมักถามกันเข้ามาบ่อยๆว่าเปิดบัญชีแบบไหนดี บัญชีแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร ?

วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยของความแตกต่างระหว่างบัญชีหลักทรัพย์แต่ละประเภทกันค่ะ…

Cash Balance Cash Collateral

Credit Balance

cash-balance cash-collateral1 credit-balance
  • Pre-paid เป็นบัญชีที่นักลงทุนจะต้องวางหลักประกันเต็มจำนวนก่อนการซื้อขาย โดยสามารถซื้อหลักทรัพย์ได้ไม่เกินจำนวนเงินที่นำมาฝากไว้กับบริษัท
  • Post-paid, บัญชี T+2 เป็นบัญชีที่นักลงทุนจะต้องวางหลักประกัน 20% ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติ
  • เป็นบัญชีที่นักลงทุนใช้เงินหรือหลักทรัพย์มาวางเป็นหลักประกัน 50% ของวงเงิน ร่วมกับการกู้ยืมเงินจากบริษัทฯ

 เหมาะกับใคร

  • นักลงทุนมือใหม่
  • นักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องในการวางหลักประกัน โดยวางหลักประกัน 20% ของวงเงิน และชำระเงินค่าหุ้นอีก 2 วันทำการถัดไป
  • นักลงทุนที่ต้องการเพิ่มอำนาจซื้อหุ้น โดยใช้เงินหรือหลักทรัพย์มาวางเป็นหลักประกันร่วมกับการกู้ยืมเงินจากบริษัทฯ
  • เปิดบัญชีได้ง่าย อนุมัติไว
  • นักเก็งกำไรที่มีการซื้อขายในวัน (Net Settlement) โดยชำระเงินส่วนต่างอีก 2 วันทำการถัดไป
  • นักลงทุนที่มีประสบการณ์และมีความสามารถในการชำระหนี้ที่ดี
  • ไม่ต้องใช้ statement ย้อนหลัง
  • ลูกค้าเดิม ที่มีบัญชีประเภท Cash Balance หรือ Cash Collateral โดยมีการซื้อขายมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ (กรณีซื้อขายทางอินเตอร์เน็ต และสมัครใช้บริการ E-request)

 หลักฐานการสมัคร

  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาหน้าแรกสมุดบัญชีออมทรัพย์
  • สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 3 เดือน
  • สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 3 เดือน
  • สำเนาหน้าแรกสมุดบัญชีธนาคารที่ใช้ตัดบัญชี ATS
  • สำเนาหน้าแรกสมุดบัญชีธนาคารที่ใช้ตัดบัญชี ATS

 อัตราค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (ไม่รวม VAT)

  • ส่งคำสั่งผ่านอินเตอร์เน็ต 0.157% ของมูลค่าการซื้อขาย
  • ส่งคำสั่งผ่านอินเตอร์เน็ต 0.207% ของมูลค่าการซื้อขาย ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 100 บาท/วัน
  • ส่งคำสั่งผ่านอินเตอร์เน็ต 0.157% ของมูลค่าการซื้อขาย และมีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 100 บาท/วัน
  • ส่งคำสั่งผ่านเจ้าหน้าที่การตลาด 0.257% ของมูลค่าการซื้อขาย ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 100 บาท/วัน
  • ส่งคำสั่งผ่านเจ้าหน้าที่การตลาด 0.257% ของมูลค่าการซื้อขาย ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 100 บาท/วัน
  • ส่งคำสั่งผ่านเจ้าหน้าที่การตลาด 0.257% ของมูลค่าการซื้อขาย และมีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 100 บาท/วัน

การวางเงินหลักประกัน

  • วางเงินหลักประกันเต็มจำนวน คือโอนเงินเข้าพอร์ตเท่าไหร่ สามารถเทรดได้เท่านั้น
  • เงินสดในบัญชีจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากตามประกาศของบริษัท 1.10% ต่อปี
  • วางเงินหลักประกัน 20% ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติ จะสามารถเทรดได้ 100% โดยหักเงินจากบัญชีธนาคารอัตโนมัติ ในวันทำการที่ 2 (T+2)
  • วางเงินหลักประกัน 50 % ของวงเงินก่อนการซื้อขาย เมื่อสั่งซื้อบริษัทฯจะทำการหักจากเงินที่วางไว้ ส่วนที่เหลือบริษัทฯจะให้กู้ยืมแก่ลูกค้า โดยคิดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมที่ 5.06% ต่อปี

 การรับค่าขายหุ้น

  • เงินอยู่ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ สามารถใช้ซื้อหลักทรัพย์ต่อได้ทันที
  • โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารอัตโนมัติ ในวันทำการที่ 2 (T+2)
  • หักเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ก่อน ส่วนที่เหลือจะอยู่ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อวางเป็นเงินหลักประกันต่อไป

บทความนี้เป็นประโยชน์กับท่านหรือไม่

แสดงความคิดเห็น